ผอมเร็วขึ้นด้วยการทำฟาสติ้ง
หากพูดถึงการลดน้ำหนัก เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินการทำ Intermittent Fasting (IF) มาบ้าง ซึ่งการทำ Intermittent Fasting ก็คือการควบคุมหรืออดอาหารที่มีแบบแผน ประโยชน์ของ IF นอกจากจะช่วยร่นระยะเวลาในการลดน้ำหนักลงแล้ว ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย และเพิ่มโกรทฮอร์โมนได้อีกด้วย โดยทั่วไป สามารถแบ่งรูปแบบได้ดังนี้
5:2 หลักการคือ อดอาหาร 2 วันต่อสัปดาห์ และรับประทานอาหารปกติใน 5 วันที่เหลือ เช่น อดอาหารวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี โดยในวันที่ทำ IF สามารถรับประทานอาหารได้เพียง 500 กิโลแคลอรี่สำหรับผู้หญิง และ 600 กิโลแคลอรี่สำหรับผู้ชาย
6:1 หลักการเหมือนกับแบบแรก แต่ลดเวลาอดอาหารเหลือแค่ 1 วันต่อสัปดาห์
วันเว้นวัน โดยอดอาหารตลอดทั้งวัน สลับกับการรับประทานปกติในวันถัดไป ทำสัปดาห์ละอย่างน้อย 2 วัน
16:8 เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากสำหรับการทำ IF เพราะการอดอาหารรูปแบบนี้ ทำได้ง่ายกว่าแบบอื่น หลักการคือ การรับประทานอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง ทุก ๆ วัน
การทำ IF สามารถส่งผลเสียเช่น การขาดน้ำ อาการหน้ามืด และวิงเวียนศีรษะ หากทำในระยะเวลาที่ยาวนานเกินไป ในการทำ IF มีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ
ดื่มน้ำมากขึ้น โดยปกติ คนเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เมื่อรับประทานอาหารปกติ
ร่างกายของเราจะได้รับน้ำบางส่วนจากอาหาร แต่พออดอาหาร น้ำส่วนนั้นจะหายไป จึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเพิ่มเป็นวันละ 8.5 -13 แก้ว
รับประทานโปรตีนให้เพียงพอ เมื่อเราอดอาหาร นอกจากไขมันในร่างกายจะลดลงแล้ว กล้ามเนื้อก็สามารถหายไปได้ เพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนนี้ การรับประทานโปรตีนให้เพียงพอจึงช่วยได้มาก
ไม่ไหวอย่าฝืน หากเริ่มมีอาการไม่สบาย หรือหิวจนทนไม่ได้ ไม่ควรฝืนอดอาหารต่อไป แต่ควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการอดอาหารที่ทำได้ โดยการรับประทานขนมบ้าง แต่ในปริมาณที่น้อย
หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เพราะการอดอาหารมักทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นบางอย่าง การหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และหันมาบริโภคผักและผลไม้สด สามารถช่วยชดเชยสารอาหารที่ขาดไป
การทำ IF เป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งของคนที่ต้องการลดน้ำหนักในช่วงเวลาที่รวดเร็ว ทั้งนี้อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน ก่อนลงมือทำ IF ผู้ทำควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน คนที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.